Bangkok Clay หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่า “ชั้นดินเหนียวกรุงเทพฯ” เป็นชั้นดินเหนียวอ่อนที่มีลักษณะเฉพาะตัว พบมากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและบริเวณใกล้เคียง ชั้นดินประเภทนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่องานก่อสร้างและการวางแผนวิศวกรรมฐานรากอย่างมาก
ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับคุณสมบัติของ Bangkok Clay และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อการก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างละเอียด
คุณสมบัติสำคัญของ Bangkok Clay
Bangkok Clay มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากดินประเภทอื่นๆ โดยมีคุณสมบัติเด่นดังนี้:
- มีความอ่อนตัวสูง (High Compressibility)
ดินเหนียวกรุงเทพฯ สามารถยุบตัวหรือทรุดตัวได้ง่ายเมื่อรับน้ำหนักจากอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ - ปริมาณน้ำในดินสูง (High Moisture Content)
ดินชนิดนี้มีปริมาณน้ำในเนื้อดินสูงมาก ทำให้มีลักษณะเหลว อ่อนตัวง่าย ไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ดีนัก - การระบายน้ำต่ำ (Low Permeability)
มีอัตราการซึมผ่านของน้ำต่ำ ส่งผลให้เกิดการทรุดตัวช้าลง และใช้เวลานานในการปรับตัวเมื่อรับน้ำหนักจากโครงสร้าง
ผลกระทบของ Bangkok Clay ต่องานก่อสร้าง
- ปัญหาการทรุดตัวของอาคาร
เนื่องจากดินชนิดนี้มีความสามารถในการรับน้ำหนักต่ำ อาคารที่สร้างบนชั้นดินเหนียวกรุงเทพฯ จึงมักเกิดการทรุดตัวที่ไม่สม่ำเสมอในระยะยาว - ต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
การก่อสร้างอาคารในพื้นที่ที่มีดินเหนียวอ่อนจำเป็นต้องใช้เสาเข็มที่ยาวและแข็งแรงมากขึ้น เช่น เสาเข็มเจาะหรือเสาเข็มตอกที่ลึกถึงชั้นดินแข็ง เพื่อป้องกันปัญหาการทรุดตัว - ระยะเวลาในการก่อสร้างนานขึ้น
ขั้นตอนการก่อสร้างที่ซับซ้อนขึ้น เช่น งานฐานราก การติดตั้งเสาเข็ม ทำให้ระยะเวลาในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด - ข้อจำกัดในการออกแบบโครงสร้าง
จำเป็นต้องออกแบบโครงสร้างที่เหมาะสมกับสภาพดิน เช่น การใช้ฐานรากลึกและการเลือกใช้โครงสร้างที่น้ำหนักเบาเพื่อลดแรงกดบนดิน
วิธีแก้ปัญหาและการรับมือกับ Bangkok Clay
ในการจัดการกับปัญหาดินเหนียวกรุงเทพฯ มีหลายแนวทางที่สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มความมั่นคงและความปลอดภัยของโครงสร้างได้ เช่น:
1. การใช้ฐานรากเสาเข็ม (Pile Foundation)
ฐานรากเสาเข็มเป็นวิธีที่นิยมใช้มากที่สุดในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อถ่ายโอนน้ำหนักของอาคารไปยังชั้นดินแข็งที่อยู่ลึกลงไปด้านล่าง
2. การใช้เสาเข็มเจาะ (Bored Pile)
เสาเข็มเจาะช่วยลดแรงสั่นสะเทือนที่อาจส่งผลกระทบต่ออาคารข้างเคียงได้ดี และสามารถเข้าถึงชั้นดินแข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การปรับปรุงคุณภาพดิน (Soil Improvement)
ใช้วิธีการปรับปรุงคุณภาพดิน เช่น การเติมสารเคมี การอัดฉีดซีเมนต์ หรือการใช้ Geotextile เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนักของดิน
สรุป
Bangkok Clay หรือ ดินเหนียวกรุงเทพฯ เป็นลักษณะเฉพาะของดินที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการก่อสร้างในกรุงเทพฯ การทำความเข้าใจคุณสมบัติและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากดินชนิดนี้ จะช่วยให้วิศวกรและผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถวางแผนโครงการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากปัญหาการทรุดตัวในระยะยาว และช่วยให้โครงสร้างที่สร้างขึ้นมีความมั่นคงแข็งแรง