ฐานราก (Foundation)

ฐานราก (Foundation): โครงสร้างสำคัญของอาคารและประเภทที่นิยมใช้ในประเทศไทย

ฐานราก (Foundation) เป็นโครงสร้างส่วนสำคัญในงานก่อสร้างที่ช่วยรองรับน้ำหนักของอาคารและถ่ายโอนน้ำหนักลงสู่พื้นดิน ฐานรากเป็นองค์ประกอบแรกที่ต้องคำนึงถึงในการออกแบบและก่อสร้าง เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาคารมีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยในระยะยาว


ฐานรากคืออะไร?

ฐานราก คือ โครงสร้างที่อยู่ใต้ดิน ทำหน้าที่:

  • รองรับน้ำหนักจากโครงสร้างด้านบน เช่น เสา ผนัง และหลังคา
  • ถ่ายโอนน้ำหนักลงสู่พื้นดินหรือเสาเข็ม เพื่อกระจายแรงออกไปให้ดินสามารถรองรับได้
  • ป้องกันการทรุดตัวและการเสียหายของอาคารในระยะยาว
ฐานราก (Foundation)

ประเภทของฐานราก

ฐานรากสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ฐานรากตื้นและฐานรากลึก โดยแต่ละประเภทเหมาะกับลักษณะงานก่อสร้างและสภาพดินที่แตกต่างกัน

1. ฐานรากตื้น (Shallow Foundation)

ฐานรากตื้นวางอยู่บนชั้นดินใกล้ผิวดิน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ดินมีความแข็งแรงเพียงพอ โดยไม่ต้องใช้เสาเข็มรองรับน้ำหนัก

  • ตัวอย่างฐานรากตื้น:
    • ฐานรากแผ่ (Spread Footing): รองรับน้ำหนักจากเสาอาคารแต่ละต้น และถ่ายน้ำหนักลงสู่ดิน
    • ฐานรากต่อเนื่อง (Continuous Footing): รองรับน้ำหนักจากผนังก่ออิฐหรือผนังคอนกรีต
    • ฐานรากแบบแพ (Mat Foundation): ใช้แผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กรองรับน้ำหนักของเสาหลายต้น
  • การใช้งาน:
    ฐานรากตื้นเหมาะสำหรับบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก และพื้นที่ที่ดินมีความแข็งแรง เช่น ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

2. ฐานรากลึก (Deep Foundation)

ฐานรากลึกใช้เสาเข็มในการถ่ายโอนน้ำหนักลงสู่ชั้นดินลึก เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ดินอ่อนหรืออาคารที่ต้องรองรับน้ำหนักมาก

  • ตัวอย่างฐานรากลึก:
    • ฐานรากเสาเข็ม (Pile Foundation): ใช้เสาเข็มตอกหรือเสาเข็มเจาะรองรับน้ำหนัก
    • ฐานรากตอม่อ (Pier Foundation): ใช้เสาตอม่อรองรับโครงสร้างในพื้นที่ที่ดินไม่แข็งแรง
  • การใช้งาน:
    ฐานรากลึกนิยมใช้ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีดินเหนียวอ่อน รวมถึงอาคารขนาดใหญ่ เช่น อาคารสูง สะพาน และโรงงาน
ฐานราก (Footing)

ปัจจัยสำคัญในการเลือกฐานราก

  1. สภาพดิน:
    • ดินแข็งเหมาะสำหรับฐานรากตื้น
    • ดินอ่อนควรใช้ฐานรากลึกเพื่อความมั่นคง
  2. น้ำหนักของอาคาร:
    • อาคารขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากควรใช้ฐานรากลึก เช่น เสาเข็ม
  3. งบประมาณ:
    • ฐานรากตื้นมีต้นทุนต่ำกว่า แต่ต้องมั่นใจว่าดินสามารถรองรับน้ำหนักได้
  4. ลักษณะพื้นที่:
    • พื้นที่น้ำขังหรือเสี่ยงต่อการทรุดตัว ควรใช้ฐานรากลึก

ฐานรากที่นิยมใช้ในประเทศไทย

ในประเทศไทย ฐานรากที่นิยมใช้จะแตกต่างกันไปตามพื้นที่และลักษณะของดิน:

  • ฐานรากตื้น:
    นิยมในพื้นที่ที่ดินแข็ง เช่น ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งดินสามารถรองรับน้ำหนักได้โดยไม่ต้องใช้เสาเข็ม
  • ฐานรากลึก:
    เป็นที่นิยมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีดินเหนียวอ่อน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เสาเข็มเพื่อถ่ายโอนน้ำหนักลงสู่ชั้นดินที่แข็งแรง

ข้อควรพิจารณาในการเลือกฐานราก

  • การสำรวจและวิเคราะห์สภาพดินก่อนการก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญ
  • การออกแบบฐานรากควรปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทอาคารและงบประมาณ
  • เลือกฐานรากที่เหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหาการทรุดตัวในอนาคต

สรุป

ฐานราก (Foundation) เป็นองค์ประกอบสำคัญในงานก่อสร้างที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะอาคารและสภาพดิน ฐานรากตื้นเหมาะสำหรับพื้นที่ดินแข็งและโครงสร้างขนาดเล็ก ส่วนฐานรากลึกเหมาะสำหรับพื้นที่ดินอ่อนและโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น อาคารสูง การเลือกฐานรากที่ถูกต้องช่วยเพิ่มความมั่นคงและความปลอดภัยของอาคารในระยะยาว หากคุณกำลังวางแผนก่อสร้าง ควรปรึกษาวิศวกรเพื่อออกแบบฐานรากที่เหมาะสมที่สุด